Uncategorized

การดูแลรักษากล้วยไม้

——————————-

การดูแลรักษากล้วยไม้

——————————–

**การที่จะปลูกกล้วยไม้ให้ดีและสวยงานเราก็ต้องมีความรู้เรื่องกล้วยไม้เป็นอย่างดี**

**อีกทั้งยังต้องรู้วิธีที่จะดูแลกล้วยไม้**

 

การดูแลรักษากล้วยไม้

การให้น้ำ
น้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ต้องเป็นน้ำที่มีคุณภาพดี มีปริมาณเกลือแร่ไม่สูงเกินไป เพราะจะเป็นพิษต่อระบบรากทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ควรรดใน เวลาเช้าหรือบ่าย โดยใช้สายยางต่อกับหัวฉีดแบบฝอยละเอียด ลดการกระแทกที่ทำให้ดอก ใบช้ำ แต่ในช่วงที่ฝนตกหนักควรงดการให้ น้ำ 2-3 วัน รอจนกระทั่งเครื่องปลูกเริ่มแห้งจึงให้น้ำใหม่ ถ้าเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาวควรรดน้ำให้บ่อยขึ้น
น้ำ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกล้วยไม้ เนื่องจากน้ำเป็นตัวทำละลายสารอาหารต่างๆ เพื่อให้รากของกล้วยไม้สามารถดูดอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ กล้วยไม้ต้องการน้ำที่สะอาดปราศจากเกลือแร่ที่เป็นพิษ มีความเป็นกรดเป็นด่างหรือค่า pH อยู่ระหว่าง 6-7 แต่น้ำที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดต่อความต้องการของกล้วยไม้ คือ น้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ มีค่า pH ประมาณ 6.5 น้ำที่มี pH ต่ำกว่า 5.5 หรือสูงกว่า 7 จึงไม่ควรนำมาใช้รดกล้วยไม้ การทดสอบคุณสมบัติความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำแบบง่ายๆ คือ ทดสอบด้วยกระดาษลิสมัส ในการเลี้ยงกล้วยไม้ถ้าน้ำมี pH ต่ำกว่า 5.5 หรือสูงกว่า 7 หากมีความจำเป็นต้องใช้น้ำนี้รดกล้วยไม้ เนื่องจากไม่สามารถหาน้ำที่มีคุณสมบัติดีกว่า ควรทำให้น้ำมี pH อยู่ระหว่าง 6-7 ก่อน ดังนี้
– น้ำที่มีค่า pH ต่ำกว่า 5.5 คือน้ำมีฤทธิ์เป็นกรดค่อนข้างมาก แก้ไขโดยตักน้ำใส่ภาชนะ เช่น ตุ่มหรือโอ่งไว้แล้วใช้ โซเดียมไฮดร็อกไซด์ ค่อยๆ เทใส่ลงไป แล้วคนให้เข้ากันจนทั่ว ทำการทดสอบระดับ pH จนกระทั่งน้ำมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6-7
– น้ำที่มีค่า pH สูงกว่า 7 คือน้ำที่มีเกลือแร่ที่เป็นพิษต่อกล้วยไม้ เช่น แคลเซียมไบคาร์บอเนตปนอยู่ในน้ำแสดงว่าน้ำนั้นมีความเป็นด่างมากไม่เหมาะที่ จะนำไปรดกล้วยไม้ วิธีแก้หรือทำให้น้ำนั้นมี pH อยู่ที่ 6-7 ก่อน โดยตักน้ำใส่ภาชนะ เช่น ถัง ตุ่มหรือโอ่งไว้ แล้วใช้ กรดไนตริก ค่อยๆ เทใส่ลงไป คนหรือกวนให้เข้ากันจนทั่ว จนกระทั่งน้ำมีค่า pH อยู่ระหว่าง 6-7

     
วิธีการการให้น้ำ
วิธีการให้น้ำกล้วยไม้สามารถทำได้หลายวิธี จะเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ อายุของกล้วยไม้ และความสะดวกของผู้ปลูกเลี้ยงเอง ซึ่งวิธีการให้น้ำมีดังนี้
– จุ่มน้ำ โดยตักน้ำใส่ภาชนะแล้วนำกล้วยไม้มาจุ่มลงในน้ำ การจุ่มน้ำมีข้อดีคือน้ำจะซึมไปทั่วทุกส่วนของเครื่องปลูก เหมาะกับกล้วยไม้ที่ไม่มีรากเกะกะ เช่น สกุลหวาย สกุลแคทลียา มีเครื่องปลูกแน่น เช่น กาบมะพร้าวอัด ออสมันด้าอัด หรือเครื่องปลูกหนัก เช่น อิฐ กรวด ถ้าเครื่องปลูกเบา เช่น ถ่าน ถ่านจะลอย การรดน้ำวิธีนี้เป็นการล้างเครื่องปลูกให้สะอาดอยู่เสมออีกด้วย ข้อเสียคือการจุ่มน้ำบ่อยๆ อาจทำให้ รากอ่อน หน่ออ่อน ไปกระทบกระแทกกับภาชนะที่ใส่น้ำได้ และถ้ากล้วยไม้มีโรคแมลงอาศัยอยู่ น้ำในภาชนะอาจเป็นพาหะให้โรคแมลงระบาดได้ง่าย และการให้น้ำวิธีนี้ไม่เหมาะกับปริมาณกล้วยไม้มากๆ เพราะเป็นวิธีที่ช้ามาก เหมาะกับกล้วยไม้จำนวนน้อย และปลูกเลี้ยงในที่ไม่ต้องการให้พื้นเฉอะแฉะ เช่นระเบียงบ้าน ริมหน้าต่าง เป็นต้น
– ไขน้ำให้ท่วม โดยทำโต๊ะปลูกกล้วยไม้ที่ขังน้ำได้ เวลาจะให้น้ำก็ไขน้ำให้ขังเต็มโต๊ะ ทิ้งไว้จนเห็นว่าเครื่องปลูกดูดซับน้ำเพียงพอแล้วจึงไขน้ำออก วิธีนี้ทำได้รวดเร็วกับกล้วยไม้จำนวนมาก ไม่ทำให้กล้วยไม้ไม่บอบช้ำ แต่ป้องกันโรคระบาดจากแมลงได้ยาก
– ใช้บัวรดน้ำ วิธีนี้มีข้อดีคือต้นทุนต่ำ ส่วนข้อเสียคือถ้ามีกล้วยไม้จำนวนมากจะต้องใช้เวลาในการรดน้ำมาก หรือถ้าขาดความระมัดระวังฝักบัว ก้านบัว อาจจะกระทบต้น กระทบดอกกล้วยไม้ ทำให้กล้วยไม้บอบช้ำได้
– สายยางติดหัวฉีด การใช้สายยางควรใช้หัวฉีดชนิดฝอยละเอียด การรดน้ำวิธีนี้สะดวก รวดเร็วและทุ่นแรง เหมาะสำหรับการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เป็นจำนวนมาก
– สปริงเกอร์ คือการใช้หัวฉีดติดตั้งอยู่กับที่แล้วพ่นน้ำเป็นฝอยให้กระจายไปทั่วบริเวณ ที่ต้องการ การรดวิธีนี้สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุด ข้อเสียคือต้องลงทุนสูงและใช้ได้กับกล้วยไม้ที่มีความต้องการน้ำเหมือนๆ กัน ไม่เหมาะกับการเลี้ยงกล้วยไม้จำนวนน้อย แต่หลากหลายชนิด

  
เวลาที่เหมาะสมแก่การให้น้ำ
การรดน้ำกล้วยไม้ปกติควรรดวันละครั้ง ยกเว้นวันที่ฝนตกหรือกระถางและเครื่องปลูกยังมีความชุ่มชื้นอยู่ การรดน้ำกล้วยไม้ควรรดในเวลาที่แดดไม่ร้อนจัด เวลาที่เหมาะสมคือตอนเช้าเวลาประมาณ 6.00-9.00 น. เพราะนอกจากจะไม่ร้อนแล้วจะมีช่วงเวลาที่มีแสงแดดยาวนาน กล้วยไม้มีความจำเป็นต้องใช้แสงแดดไปช่วยในการปรุงอาหารเพื่อไปเลี้ยงส่วน ต่างๆ ฉะนั้นช่วงเวลากลางวันจึงเป็นเวลาที่กล้วยไม้ต้องใช้รากดูดความชื้นและนำ อาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากที่สุด การรดน้ำในเวลาเช้าจึงได้รับประโยชน์มากที่สุด ในการรดน้ำกล้วยไม้ควรรดให้เปียก เพื่อเป็นการชะล้างเศษปุ๋ยที่เหลือตกค้างซึ่งอาจเป็นพิษแก่กล้วยไม้ให้ไหล หลุดไป ไม่ควรรดน้ำแรงๆ หรือรดน้ำอยู่กับที่นานๆ ควรรดแบบผ่านไปมาหลายๆ ครั้งจนเปียกโชก ทั้งนี้เพื่อให้กระถางและเครื่องปลูกมีโอกาสดูดซึมอุ้มน้ำไว้เต็มที่ การรดน้ำกล้วยไม้ควรรดให้ถูกเฉพาะรากกระถางและเครื่องปลูกเท่านั้น ไม่ควรรดน้ำให้ถูกเรือนยอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้วยไม้ที่มีเรือนยอดใหญ่ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้าและสกุลช้าง เพราะน้ำอาจตกค้างอยู่ที่เรือนยอดซึ่งอาจทำให้เกิดโรคยอดเน่าได้

   

การให้ปุ๋ย
ให้ปุ๋ยทุก ๆ 7 วัน โดยใช้ปุ๋ยละลายน้ำ สูตรสูง เช่น สูตร 20-20-20 ในระยะเริ่มปลูกควรให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพื่อช่วยการเจริญเติบโตทางลำต้น และใบเมื่อต้นกล้วยไม้เจริญถึงระยะให้ดอกหรือต้องการเร่งให้ออกดอก ควรใช้ปุ๋ยสูตรที่มีธาตุฟอสฟอรัสสูงไม่ควรฉีดพ่น ปุ๋ยในช่วงที่มีแดดจัด เพราะจะทำให้น้ำที่ละลายปุ๋ยระเหยไปอย่างรวดเร็วทำให้กล้วยไม้ไม่สามารถดูด ปุ๋ยไปใช้ได้ และยังทำให้ความเข้มข้นของปุ๋ยสูงขึ้น อาจทำให้ใบไหม้หลังจากให้ปุ๋ยแล้ว ในวันรุ่งขึ้นต้องรดน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อชะล้างเกลือแร่ของปุ๋ยที่ตกค้างอยู่บนเครื่องปลูกและรากออก
นอกจากการให้ปุ๋ยแล้ว ผู้ปลูกเลี้ยงต้องฉีดพ่นยาฆ่าแมลงและยาป้องกันโรคอย่างสม่ำเสมออาจให้พร้อม ๆ กับการรดน้ำหรือให้ปุ๋ย หากมีการระบาดของโรค และแมลงก็ต้องเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับโรคและแมลงชนิดนั้น ๆ

  

ปุ๋ย ที่นำมาให้กับกล้วยไม้
โดยทั่วไปนิยมใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ในการปลูกกล้วยไม้ เพราะนอกจากจะละลายน้ำได้ดี สะดวกในการใช้ ยังมีธาตุอาหารครบถ้วนตามความต้องการของกล้วยไม้ด้วย ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ที่ใช้กับกล้วยไม้มี 3 ลักษณะ คือ ลักษณะเป็นน้ำ เป็นเกล็ดละลายน้ำ และเป็นเม็ดละลายช้า
– ปุ๋ยน้ำ เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารละลายอยู่ในรูปของของเหลว เมื่อต้องการใช้ต้องนำมาผสมกับน้ำตามส่วนที่ระบุบนฉลาก ข้อดีของปุ๋ยน้ำคือละลายง่าย กล้วยไม้สามารถดูดไปใช้ได้เลย ไม่ตกค้างอยู่ในเครื่องปลูก ซึ่งถ้ามีปุ๋ยตกค้างอยู่ในเครื่องปลูกมากอาจเป็นอันตรายต่อกล้วยไม้ได้
– ปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำ เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารต่างๆ ที่จำเป็นผสมอยู่ตามสัดส่วน เมื่อจะใช้ต้องนำไปผสมกับน้ำตามสัดส่วนที่ระบุไว้ข้างภาชนะบรรจุปุ๋ย ปุ๋ยผงบางชนิดละลายน้ำได้ดี แต่บางชนิดละลายไม่หมด ปุ๋ยผงจึงไม่เหมาะสำหรับรดกล้วยไม้มากเท่ากับปุ๋ยน้ำ
– ปุ๋ยเม็ดละลายช้า เป็นปุ๋ยชนิดเม็ดเคลือบที่ภายในบรรจุปุ๋ยไว้เพื่อให้ปุ๋ยค่อยๆ ละลายออกมาอย่างช้าๆ ปุ๋ยชนิดนี้จึงใส่เพียงครั้งเดียวจึงสามารถอยู่ได้นานหลายเดือน จึงทำให้ง่ายในการใช้ ประหยัดแรงงานไม่ต้องใส่บ่อยๆ แต่ปุ๋ยชนิดนี้มีราคาสูง และเหมาะกับกล้วยไม้ที่มีเครื่องปลูกอย่างกล้วยไม้ที่มีระบบรากดินและราก กึ่งอากาศ เช่น แวนด้า หวาย แคทลียา

  
วิธีการให้ปุ๋ย
          ระยะแรกของการปลูกกล้วยไม้ควรให้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เพื่อช่วยเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ เมื่อต้นกล้วยไม้เจริญถึงระยะให้ดอกหรือต้องการเร่งให้ออกดอก ควรใช้ปุ๋ยสูตรที่มีธาตุฟอสฟอรัสสูงเพื่อกระตุ้นให้กล้วยไม้ออกดอก ปริมาณปุ๋ยที่ใช้ในช่วงฤดูร้อนควรให้ปุ๋ยมากกว่าฤดูหนาวกับฤดูฝน ลูกกล้วยไม้ควรให้ปุ๋ยในอัตราที่อ่อนกว่ากล้วยไม้ใหญ่ ถ้าเป็นต้นที่โตเร็วและได้รับแสงแดดมากต้องให้ปุ๋ยมากกว่าพวกที่โตช้าและ เลี้ยงในร่ม การให้ปุ๋ยควรให้สัปดาห์ละครั้ง การรดปุ๋ยกล้วยไม้ควรรดให้ถูกส่วนรากเพราะเป็นส่วนที่ดูดธาตุอาหารและน้ำได้ ดีกว่าใบ และไม่ทำให้กล้วยไม้บอบช้ำ
วิธีการให้ปุ๋ยกล้วยไม้สามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
– รดด้วยบัวรดน้ำชนิดฝอย การให้ปุ๋ยวิธีนี้ถ้ารดกล้วยไม้ที่แขวนราวหลายๆ ราว กล้วยไม้ที่อยู่ราวในๆ จะได้รับปุ๋ยไม่ทั่วถึง วิธีแก้ไขโดยแขวนกล้วยไม้เป็นแถวตามแนวตั้ง ทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การรดน้ำหรือรดปุ๋ยด้วยฝักบัวและสะดวกแก่การบำรุงรักษา ได้ทั่วถึงด้วย ถ้าใช้วิธีตั้งกล้วยไม้ไว้บนชั้นแล้วการรดน้ำหรือรดปุ๋ยด้วยวิธีนี้จะสะดวก ขึ้น
– พ่นด้วยเครื่องฉีดชนิดฝอย เป็นวิธีที่เหมาะกับทุกลักษณะของกล้วยไม้ ไม่ว่าจะตั้งหรือแขวนกล้วยไม้ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ แต่ควรเป็นเครื่องฉีดชนิดสูบหรืออัดลม ข้อดีคือทำให้กล้วยไม้ได้รับปุ๋ยทั่วถึงโดยไม่เป็นอันตรายหรือบอบช้ำจากการ กระทบกระเทือนหรือกระแสน้ำแรงเกินไป
– วิธีจุ่ม คือการให้ปุ๋ยโดยจุ่มกระถางกล้วยไม้ลงในน้ำปุ๋ยที่ผสมไว้ ข้อดีของวิธีนี้คือไม่เปลืองน้ำปุ๋ยเพราะน้ำปุ๋ยไม่รั่วไหลไปไหนนอกจากติดไป กับกระถางกล้วยไม้ ความชุ่มของน้ำปุ๋ยในกระถางทั่วถึงดี ข้อเสียคือกล้วยไม้บางกระถางอาจมีโรคและแมลงอาศัยอยู่ เมื่อจุ่มลงในน้ำปุ๋ยโรคและแมลงจะปนออกมากับน้ำปุ๋ย เมื่อนำกระถางกล้วยไม้อื่นมาจุ่มจะทำให้ติดเชื้อโรคและแมลงนั้นได้ ฉะนั้นวิธีนี้จึงอาจเป็นสื่อติดต่อของโรคและแมลงได้ง่าย และถ้าหากไม่ใช้ความระมัดระวังแล้วหน่อที่แตกใหม่อาจจะกระทบกับความแข็งของ ภาชนะที่ใส่ปุ๋ยทำให้บอบช้ำและเน่าได้
– ปล่อยน้ำปุ๋ยเข้าท่วมกระถางแล้วระบายออก วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้สำหรับการปลูกกล้วยไม้หรือต้นไม้กระถางในเรือนกระจก ใหญ่ๆ โดยตั้งกระถางบนโต๊ะที่ทำเป็นอ่างเก็บน้ำได้ เมื่อต้องการให้ปุ๋ยก็ปล่อยน้ำปุ๋ยที่ผสมตามสัดส่วนให้เข้าไปท่วมกระถาง กล้วยไม้ตามระยะกำหนดเวลาที่ต้องการ เมื่อเสร็จแล้วก็ระบายน้ำปุ๋ยออก วิธีนี้ถ้านำไปใช้กับบริเวณเนื้อที่ที่มีต้นไม้มากๆ และเป็นบริเวณที่ควบคุมสภาพของธรรมชาติแวดล้อมได้จะได้ผลดี
– ใช้เครื่องผสมปุ๋ยกับน้ำ เป็นเครื่องผสมปุ๋ยแบบอัตโนมัติที่ใช้ในการผสมปุ๋ยกับน้ำตามอัตราส่วนที่ ต้องการ โดยต่อเครื่องเข้ากับท่อน้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ ภายในเครื่องมีปุ๋ยละลายน้ำเข้มข้นอยู่ เมื่อรดน้ำ ปุ๋ยก็จะผสมไปกับน้ำแล้วพ่นออกไปสู่กล้วยไม้ผ่านไปทางหัวฉีดทันที เครื่องผสมปุ๋ยนี้สามารถจะปรับหรือตั้งเพื่อให้ปุ๋ยผสมไปกับน้ำตามอัตราความ เข้มที่ต้องการได้ จึงเหมาะสำหรับสวนกล้วยไม้ที่มีจำนวนกล้วยไม้มากๆ สำหรับการให้ปุ๋ยชนิดเม็ดละลายช้าทำโดยโรยเม็ดปุ๋ยบริเวณเครื่องปลูกที่ใกล้ กับรากของกล้วยไม้ตามสัดส่วนที่ระบุไว้ข้างภาชนะที่บรรจุปุ๋ย

  
เวลาที่เหมาะแก่การให้ปุ๋ย
เนื่องจากสิ่งแวดล้อมมีความสัมพันธ์กับการให้ปุ๋ยอยู่มาก เช่น ปุ๋ยจะเป็นประโยชน์แก่กล้วยไม้ได้ต้องมีแสงสว่าง มีความอบอุ่น อุณหภูมิพอเหมาะและมีความชุ่มชื้นพอดี เป็นต้น แสงสว่างหรือแสงแดดที่เป็นประโยชน์แก่กล้วยไม้คือแสงแดดในตอนเช้า ตั้งแต่เช้าจนถึง เวลาประมาณ 11.00 น. หลังจากนี้แสงแดดจะแรงและมีความร้อนสูงเกินไป การรดปุ๋ยในเวลาเช้า แสงแดดจะช่วยให้กล้วยไม้ได้ใช้ปุ๋ยได้เต็มที่ เพราะแสงแดดช่วยผลิตกำลังงานที่จะใช้ดูดปุ๋ยขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการสร้าง ความเจริญเติบโตของกล้วยไม้ การรดปุ๋ยควรรดสม่ำเสมออาทิตย์ละครั้ง เพื่อกล้วยไม้จะได้รับปุ๋ยหรืออาหารอย่างสม่ำเสมอ ถ้าหากวันที่ครบกำหนดให้ปุ๋ยอากาศครื้มฝนไม่ควรรดปุ๋ย เนื่องจากไม่มีแสงแดดช่วยกล้วยไม้ก็ไม่สามารถดูดซึมปุ๋ยไปใช้ประโยชน์ได้ เต็มที่ และถ้าหากฝนตกปุ๋ยก็จะถูกชะล้างไปกับฝนโดยที่กล้วยไม้ไม่ได้รับประโยชน์จาก ปุ๋ยนั้นเลย จึงควรงดการให้ปุ๋ยในวันดังกล่าว และอาจเลื่อนการให้ปุ๋ยไปในวันถัดไป หรืออาจงดให้ปุ๋ยในอาทิตย์นั้นแล้วไปรดในอาทิตย์ถัดไปก็ได้

 

การเก็บเกี่ยว
เพื่อให้ได้ดอกที่มีคุณภาพดี ผู้ปลูกต้องกำหนดวันตัดดอกให้แน่นอน แล้วจัดตารางใส่ปุ๋ย -ยาฆ่าแมลงให้เหมาะสม หากให้ปุ๋ยก่อนตัดดอก 1-2 วัน จะทำให้คุณภาพดอกและอายุการปักแจกันลดลง ช่วงเวลาตัดดอกควรตัดในช่วงเข้ามืดโดยใช้มือหักกดลงที่โคนก้านช่อหรือตัด ด้วยกรรไกร โดยต้องทำ ความสะอาดกรรไกรทุกครั้ง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโดยเฉพาะจากเชื้อไวรัส ลักษณะของช่อดอกที่สามารถตัดได้ในกล้วยไม้สกุลหวาย ดอกต้องบาน 3/4 ของช่อดอก, ออนซิเดียมตัดในระยะเหลือดอกตูมที่ปลายช่อ 1-2 ดอก แวนด้า และแอสโคเซนด้า ตัดดอกเมื่อดอกบานหมดช่อ ส่วนอะแรนด้า, ม๊อคคาร่า ตัดดอกเมื่อดอกบานเกือบหมดช่อหรือหมดช่อ

    

 *** การที่เราจะปลูกกล้วยไม้ดูแลกล้วยไม้เราจะต้องรู้วิธีการดูแลกล้วยไม้ก่อนด้วยวิธข้างต้นนะจ้า***

  จัดทำโดย

นางสาวสรัญญ     เบ่านุวงค์

ปลาน้อย   อย่าฝืนใจรักถ้ามันเจ็บ

เพิ่มเติม

http://www.orchidsiam.com/th/

http://www.orchidtropical.com/

http://greenlover.tht.in/Orchid-sai-Propagation.html

http://blog.eduzones.com/dingo/3691

Categories: Uncategorized | Leave a comment

กล้วยไม้

——————————

กล้วยไม้

—————————–

    กล้วยไม้สกุล   แคทลียา

แวนด้า ปากช่องบลู ต้นโคราช V.Pakchong Blue     แวนด้า ศิริพรพิ้งค์ V.Siriporn Pink    วาสโค วีรวรรณ หรือ ช้างชมพู  Vasco.Veerawan

แวนด้า ปากช่องบลู ต้นโคราช                                แวนด้า ศิริพรพิ้งค์                                          วาสโค วีรวรรณ

แอสโค เซ็นท์วาเลนไทน์ Ascda.Saint Valentine      Rsc.Petch Ratsima No.2       Rlc.Greenwich 'Elmhurst' AM/AOS

แอสโค เซ็นท์วาเลนไทน์                                แคทลียา เพชรราชสีมา                                      แคทลียา กรีนวิช

Rsc.Trumphal Coronation 'Seto'     แคทลียา ไทนานซิตี้ ต้น เจนเนอรัล  Rc.Tainan City 'General'    แคทลียา ไทนานโกลด์ ต้น กิมซีเชียก  Rlc.Tainan Gold 'Kim-See-Cheak'

แคทลียา ไทรอัมฟ่อน โคโรเนชั่น                   ไม้รุ่น แคทลียา ไทนานซิตี้                       ไม้รุ่น แคทลียา ไทนานโกลด์

Sc.King of Taiwan 'Dashin No.1'     Rsc.Sanyung Ruby 'Xin Mei'     Sc.Chyong Guu Swan 'Ruby Lip'

แคทลียา คิงออฟไต้หวัน                                   แคทลียา ซันหยางรูบี้ ต้นซินเหม่                         แคทลียา ฉงกู่สวอน

Rsc.Pink Diamond 'Yenruodee'     Rsc.Haad Yai Delight 'Bangphom Gold' AM/CST     Rlc.Mem.Srivilas Gold 'Bangprom'

แคทลียา พิ้งค์ไดม่อน ต้นเย็นฤดี                               แคทลียา หาดใหญ่ดีไล้ท์                      แคทลียา เมม.ศรีวิลาศ

C.Korat Beauty 'No.1'

แคทลียา โคราชบิวตี้

B.nodosa

แคทลียาพันธุ์แท้กลิ่นหอม โนโดซ่า 

กล้วยไม้เป็นสิ่งที่สวยงาม ทำได้หลายอย่างทั้งประดับให้บ้านเรือนดูสวยงามตา

การที่เรามองดอกไม้แล้วทำให้จิตใจเราสดชื่น

เพราะเราได้เห็นสิ่งสวยๆ งามๆ ก็จะทำให้จิตใจเราสวยงามตามต้นไม้ ดอกไม้ หรือกล้วยไม้ที่เราปลูก

การปลูกต้นไม้ยังทำให้เรามีจิตใจที่สวยงามเพราะเราอยู่กับสิ่งสวยงามก็จะทำให้จิตใจเราสวยงามไปด้วยจ้า

 

  จัดทำโดย

นางสาวสรัญญ     เบ่านุวงค์

ปลาน้อย   อย่าฝืนใจรักถ้ามันเจ็บ

เพิ่มเติม

http://www.orchidsiam.com/th/

http://www.orchidtropical.com/

http://greenlover.tht.in/Orchid-sai-Propagation.html

http://blog.eduzones.com/dingo/3691

Categories: Uncategorized | 1 Comment

กล้วยไม้ – สกุลช้าง แคทลียา รองเท้านารี พันธุ์แท้

—————————————————————————————–

กล้วยไม้ – กล้วยไม้ไทย สกุลช้าง แคทลียา รองเท้านารี พันธุ์แท้ แวนด้า สิงโต

——————————————————————————————–

 Ascda.Happy Christie     Liparis viridiflora เอื้องดอกหญ้า หรือ เอื้องข้าวสาร

                แอสโคเลือดชิดพันธุ์แท้                        เอื้องดอกหญ้า หรือเอื้องข้าวสาร

 V.Udorn Sunshine     KSY-51-174

                   หน่อแบ่ง แวนด้ากลิ่นหอม                           ไม้นิ้ว เหลืองโคราช

 MKO-5104     KSY-53-107

           ไม้นิ้ว ช้างเผือก หลานต้น                                  ไม้ขวด แกรมมาโต มาแตร์ 

KSY-52-112     วาสโค วีรวรรณ หรือ ช้างชมพู  Vasco.Veerawan

          ไม้ขวด โคราชโกกิ                                          วาสโค วีรวรรณ หรือ ช้างชมพู 

KKB-59    Staurochilus fasciatus

                     ไม้นิ้ว ช้างกระ ชุด                                        เอื้องเสือโคร่งไทย

 Rsc.Trumphal Coronation 'Seto'    KSY-53-110

     แคทลียา ไทรอัมฟ่อน โคโรเนชั่น                            ไม้นิ้ว หวายเนสเตอร์

 Miltassia Olmec 'Kanno' Hibrid   Rsc.Sanyung Ruby 'Xin Mei'

              ลูกผสม มินทัสเซีย ออแม็ค                           แคทลียา ซันหยางรูบี้ ต้นซินเหม่ย

  จัดทำโดย

นางสาวสรัญญ     เบ่านุวงค์

ปลาน้อย   อย่าฝืนใจรักถ้ามันเจ็บ

อ้างอิง

http://www.orchidsiam.com

http://www.orchidsiam.com/th/index.php?option=com_hotproperty&task=view&id=1277&Itemid=34

Categories: Uncategorized | Leave a comment

E-commerce ในประเทศไทย

*สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ E-commerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

สาเหตุที่ร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จส่วนนึงเป็นลักษณะนิสัยของคนไทย ชอบเห็นสิ่งของก่อน แล้วค่อยซื้อ และยังร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ที่ทำให้สามารถออกไปชอปปิ้ง ด้วยการเดินทางที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ไม่เหมือนต่างประเทศ ที่ห้างร้าน อยู่ไกลกันมาก การซื้อสินค้าออนไลน์ จึงสะดวกกว่า การเดินทางไปซื้อด้วยตัวเอง และความสะดวกสบาย ในการชำระเงินออนไลน์ ซึ่งคนไทยส่วนน้อย มีความรู้เรื่องการ การชำระเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ต อยากซื้อ แต่ไม่รู้จะชำระเงินอย่างไร ? อีกทั้ง ผู้ที่จัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาแล้ว ถึงแม้จะสวยงาม แต่ไม่มีคนเข้าชม

1. ด้วยร้านค้าห้างในประเทศไทย มีมากมายภายใน 1 อำเภอ อาจจะมีมากกว่า 4 แห่งก็ได้ ทั้ง Big C, Carfu, Lotus , ห้างประจำท้องถิ่น หรือ 7-Eleven มีมากมาย อยากจะได้อะไรก็เดินทางไปดูได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น การจะให้เว็บไซต์ของเราซื้อขายผ่าน Internet ได้ จึงต้องมีความแตกต่างกับการซื้อขาย ในห้างร้านทั่วไป

2.  การชำระเงินออนไลน์  จากงาน E-commerce E-Business Expo 2007 ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน จะเห็นได้ว่า ธนาคารต่าง ๆ ทั้ง ธ.กสิกรไทย  ธ.กรุงเทพฯ ฯลฯ ให้ความสำคัญกับการชำระเงินออนไลน์ และมีการจัดสัมมนาภายในงานอีกด้วย ทำให้เห็นได้ว่า ธนาคารต่าง ๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญกับ E-commerce ในประเทศไทยที่มีโอกาสเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ผู้ประกอบธุรกิจหลายหมื่นคน ให้ความสนใจมาก แต่บุคคลทั่วไป ที่ไม่มีความชำนาญในการใช้อินเทอร์เน็ต การจะให้หันมาใช้การซื้อขาย ผ่านเว็บไซต์ก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่  ดังนั้นต้องให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปมากขึ้น

3. การทำประชาสัมพันธ์หรือ การโปรโมทเว็บให้คนรู้จัก การทำเว็บไซต์เพื่อค้าขาย ก็เหมือนกับการเปิดร้านค้า ถ้าไม่โปรโมท ถ้าไม่บอกให้คนรู้ เว็บไซต์ก็จะไม่มีคนรู้จัก การทำเว็บไซต์ผู้ประกอบกิจการหลายแห่ง ให้ความสำคัญกับความสวยงามของเว็บ โดยการใช้อนิเมชั่นให้สวยงาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การใช้งานของเว็บไซต์ ที่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งาน มากกว่า เจ้าของเว็บ เว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย เข้าถึงได้รวดเร็ว และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยในปัจจุบันที่ ทุกคนในโลกอินเทอร์เน็ตรู้จักกันดีคือ Search Engine ชั้นนำของโลกอย่าง Google หากสามารถทำให้สินค้า หรือบริการ ติดอันดับต้น ๆ ของ Google ได้ก็จะมีโอกาสอย่างยิ่งที่จะประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในโลกอินเทอร์เน็ต แต่ในหน้าแรกของ Google มีที่ว่างให้เพียงแค่ 10 อันดับ กับผู้สนับสนุนของ Google ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็น ต่อคลิ๊กเท่านั้น คนทำ E-commerce ในธุรกิจเดียวกันบางทีมีมากกว่า 1 ล้านเว็บ แล้วมีเพียงแค่ไม่กี่รายที่ จะทำให้อยู่ใน Goolge ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะติด Google ได้ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะขายได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและบริการ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ดีด้วย การทำการตลาดผ่านเว็บ หรือ Internet Marketing นั้น ในต่างประเทศมีแผนกนี้โดยเฉพาะ แต่ในประเทศไทย ยังไม่เห็นถึงความสำคัญเท่าที่ควร แต่ในอนาคต อันใกล้ จะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากใครเริ่มต้นทำ Internet Marketing ก่อน มีลู่ทางมากกว่าผู้ที่ทำทีหลังอยู่แล้ว

4. เว็บไซต์ E-commerce เกือบทุกเว็บ จะขายเพียงอย่างเดียว ยัดเยียดให้ลูกค้า เข้ามาซื้อของในเว็บไซต์ แล้วคนที่เข้ามาในเว็บได้ประโยชน์อะไรกลับมาบ้างหรือเปล่า ??  เว็บไซต์ที่ดีไม่ได้เพียงแค่จะเอาเงินจากลูกค้าเพียงอย่างเดียว เราต้องให้อะไรกับลูกค้าก่อน ลูกค้าก็จะกลับเข้ามาซื้อสินค้าของเราเองในภายหลัง ซึ่งในส่วนนี้ อาจจะเป็น เรื่องของ บทความภายในเว็บ หากเว็บไซต์ ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ถ้าลูกค้าประสบปัญหา ไม่รู้จะเลือกยี่ห้อในดี เปรียบเทียบ สินค้า อะไรดี แทนที่ลูกค้าจะเข้าไปดู ถามข้อมูลจาก pantip.com หรือไปโพสถามเพื่อนจากเว็บบอร์ดต่าง ๆ แต่ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในเว็บเลย คนเข้ามาดูเว็บไซต์เรา ถึงวันนี้อาจจะไม่ใช่ลูกค้าเรา แต่เมื่อเขาต้องการซื้อสินค้าจริง ๆ เว็บที่เขาไปอ่าน หาข้อมูลบ่อย ๆ จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนเหล่านี้เข้ามาซื้อสินค้านั่นเอง

*ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ น.ศ.คิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจัยใดบ้าง

1. กล้าตัดสินใจ ประการแรกที่ต้องทำคือ ค้นคว้าหาข้อมูล สร้างจินตนาการ กลั่นกรองความคิด หาช่องทางและโอกาสเมื่อมองเห็น จงกล้าตัดสินใจดำเนินการ เพราะธุรกิจนี้ใช้เงินน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือตึกแถวทั่วไป และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การขายสินค้าบนเว็บนี้ สามารถขายให้คนได้ทั่วโลกและมีอากาศทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และค้าส่งออกเป็นล็อตใหญ่ ฉะนั้น เมื่อเห็นโอกาสจงอย่ารีรอเป็นอันขาด

2. หน้าที่หลักของท่าน คือ การคิดเรื่องการตลาด เมื่อตัดสินใจแล้วหน้าที่หลักคือ การวางแผนการตลาด คือจะขายให้ใคร ความต้องการและพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นอย่างไร จะวางตำแหน่งสินค้าอย่างไร จะต้องพัฒนาสินค้าอย่างไรเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น จะตั้งราคาสินค้าเท่าใด จะขายผ่านช่องทางใด ตรงไปที่ผู้นำเข้า พ่อค้าส่ง พ่อค้าปลีกหรือผู้บริโภคโดยตรง และจะประชาสัมพันธ์เว็บ หรือมีรายการส่งเสริมการขายอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าการมีเทคโนโลยีดี ๆ ด้วยซ้ำ

3. โปรแกรมด้าน e-commerce มีความพร้อมให้ใช้งานอยู่แล้วสำหรับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มีให้ใช้โดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่นwww.ecombot.com ซึ่งมีระบบครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว ทั้งหน้าร้าน หรือออกแบบเว็บเพจให้มี ระบบออนไลน์แคตาล็อค ระบบตระกร้า หรือ shopping cart ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบ real-time ระบบติดตามผลการขาย ระบบออกรายงานขาย ระบบลงทะเบียน search engines เป็นต้น ฉะนั้น หน้าที่ของท่านก็เพียงแต่นำเอาข้อมูลสินค้า ราคา รูปภาพที่เตรียมไว้แล้วป้อนเข้าสู่ระบบเท่านั้น ก็สามารถเปิดใช้งานได้ทันที

4. ใช้งบประมาณลงทุนน้อย เงินลงทุนที่ใช้เพียงค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โมเด็ม และค่าโปรแกรม e-commerce นอกจากนี้ยังมีการซื้อโปรแกรมระบบ e-commerce ในอัตราเดือนละไม่ถึง 500 บาท ก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่หากท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ โมเด็ม และไม่ได้เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ต เลยก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนี้ ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ 25,000 บาท ค่าโมเด็ม ประมาณ 3,000 บาท และค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ตประมาณเดือนละ 500 บาท หรือรวมเบ็ดเสร็จแล้วลงทุนทั้งหมดอยู่ในราว 30,000 บาท

5. เร่งงานให้เสร็จตามกำหนด เวลาในการลงมือทำงานแล้ว สิ่งสำคัญต้องเร่งทำเดินงานให้เสร็จทันตามเวลา ไม่ควรเรื่องมาก หรือเขียนคิ้วทาปากให้กับเว็บ ทำการทดสอบสินค้าและราคาก่อน เพราะสาระสำคัญทางการค้ายังมีเรื่องที่ต้องทดสอบอีกมาก และก็ไม่มีใครสนใจความสวยงามของเว็บท่านมากนัก เพราะเขามาซื้อสินค้าไม่ใช้มาซื้อเว็บของท่าน อย่าลืม “เรียบง่าย ดูดี น่าเชื่อถือ” เป็นสำคัญ

Categories: Uncategorized | 1 Comment

SEO

SEO.

Categories: Uncategorized | Leave a comment

SEO

SEO

SEO คือ การปรับแต่เว็บไซด์ทั้งภายนอกและภายใน ให้ Robot ของ Google นั้นเข้ามาเก็บข้อมูลได้ง่าย เพื่อให้ได้อันดับที่ดีบนGoogle นั่นเอง นัก SEO ทั้งหลายต่างก็พยายามพัฒนาเว็บไซด์ และ ปรับแต่เว็บไซด์ตามปัจจัยต่างๆ กว่า 200 ปัจจัย ที่ทางGoogle เป็นผู้กำหนดขึ้น ซึ่งปัจจัยบางปัจจัยก็ยังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งได้รวบรวมมาจากเว็บไซด์ต่างๆ ดังนี้Title tag เป็นการใส่คำอธิบายว่าแต่ละหน้ามีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรเนื้อหารายละเอียดต่างๆ ในหน้าเว็บไซด์ ยังคงเป็นส่วนสำคัญอยู่เสมอตัวหนาตัวเองเน้นในKeywords ที่มีความสำคัญ

  • Tag Header
    ในหัวข้อที่มีความสำคัญ
  • Text link
    มายังหน้าเว็บไซด์ของเรา
  • PR (PageRank)
    เป็นคะแนนของ Page นั้นๆ
  • PR (PageRank)
    ของ Domain ทั้งหมด
  • คุณภาพของ
    Link ที่ Link มาหาเว็บไซด์เรา
  • Link
    ที่ลิงค์มาหาเรานั้นควรเป็น Link ที่มีความเกี่ยวข้องกับหน้าเว็บ
  • ความเร็วในการ
    Load หน้าเว็บขึ้นมาแสดงผล
  • ชื่อ
    URL ให้สื่อหรือมีความสอดคล้องกับหน้านั้นๆ
  • ความหนาแน่นของ
    Keywords ในหน้านั้นๆ
  • เนื้อหาที่มีความสดใหม่อยู่เสมอย่อมได้รับความสนใจ
  • โครงสร้างภายในที่ดี ไม่ลึกจนเกินไป
  • อายุโดเมน
  • Link
    ที่มีจากเว็บ Directory ที่ดี
  • กำหนดชื่อรูปภาพด้วย
    Tag Name
  • กำหนดชื่อรูปภาพด้วย
    Tag ALT
   ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ On-Page Factor และ Off-Page Factor
On-Pages Factor คือ ทุกสิ่งที่ Search Engine สามารถมองเห็นจากเว็บไซต์  ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน เช่น
เนื้อหา หัวเรื่อง การเชื่อมโยง  เป็นต้น เหมือนกับที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้จากโปรแกรม Text Browser
ซึ่งในการทำ On-Page Factor ควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้- ที่ Title Tag ควรใส่คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในหน้าเอกสารนั้น ๆ เช่น ถ้าเนื้อหาของหน้าเว็บนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกร้อน ควรใช้ Title ว่า “โลกร้อน”
– ควรวางขอบเขตของเนื้อหาในเอกสารแต่ละหน้า เช่น ถ้าต้องการเขียนเรื่องข้อมูลภาพยนตร์ ก็ไม่ควรให้มีข้อมูลอื่น ๆ เช่น เล่นเกม ฟังเพลง ปนอยู่
– การสร้าง Links ควรเชื่อมโยงไปที่หน้าเอกสาร ที่เกี่ยวกับข้อความที่ปรากฎใน Links เช่น
การทำ HyperLinks ที่ข้อความว่า “ภาพยนตร์” ก็ควร Links ไปในหน้าที่มีข้อมูลภาพยนตร์ ไม่ควร Link ไปในหน้าที่มีเนื้อหาอื่น ๆ เช่น เนื้อเพลง หรือ กลอน
– พยายามจัดกลุ่มของเนื้อหา และการเชื่อมโยงต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย
– พยายามตั้งชื่อไฟล์ให้สอดคล้องกับหัวข้อของเนื้อหาภายในหน้าเอกสารOff-Pages Factor คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ Search Engine ไปพบเจอมา ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎอยู่ในหน้าเอกสารเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยภายนอกดังเช่น
– การทำ Sitemap
– การเพิ่ม Link Popularity
– การเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ใน Directory Listing
– การทำ Social Networking
สรุป On-Page Factor คือ การ Optimisation เนื้อหาภายในหน้าเว็บให้มีความเหมาะสมกับการทำ SEO
ส่วน Off-Page Factor คือ การ Optimisation สิ่งที่ไม่ใช่เนื้อหาของเว็บไซต์
ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้มีความสำคัญทั้งคู่ ควรปรับแต่งให้เหมาะสมไปพร้อม ๆ กัน
On-Pages Factor คือ ทุกสิ่งที่ Search Engine สามารถมองเห็นจากเว็บไซต์  ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน เช่น
เนื้อหา หัวเรื่อง การเชื่อมโยง  เป็นต้น เหมือนกับที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้จากโปรแกรม Text Browser
ซึ่งในการทำ On-Page Factor ควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
– ที่ Title Tag ควรใส่คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในหน้าเอกสารนั้น ๆ เช่น ถ้าเนื้อหาของหน้าเว็บนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกร้อน ควรใช้ Title ว่า “โลกร้อน”
– ควรวางขอบเขตของเนื้อหาในเอกสารแต่ละหน้า เช่น ถ้าต้องการเขียนเรื่องข้อมูลภาพยนตร์ ก็ไม่ควรให้มีข้อมูลอื่น ๆ เช่น เล่นเกม ฟังเพลง ปนอยู่
– การสร้าง Links ควรเชื่อมโยงไปที่หน้าเอกสาร ที่เกี่ยวกับข้อความที่ปรากฎใน Links เช่น
การทำ HyperLinks ที่ข้อความว่า “ภาพยนตร์” ก็ควร Links ไปในหน้าที่มีข้อมูลภาพยนตร์ ไม่ควร Link ไปในหน้าที่มีเนื้อหาอื่น ๆ เช่น เนื้อเพลง หรือ กลอน
– พยายามจัดกลุ่มของเนื้อหา และการเชื่อมโยงต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย
– พยายามตั้งชื่อไฟล์ให้สอดคล้องกับหัวข้อของเนื้อหาภายในหน้าเอกสารOff-Pages Factor คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ Search Engine ไปพบเจอมา ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎอยู่ในหน้าเอกสารเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยภายนอกดังเช่น
– การทำ Sitemap
– การเพิ่ม Link Popularity
– การเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ใน Directory Listing
– การทำ Social Networking
สรุป On-Page Factor คือ การ Optimisation เนื้อหาภายในหน้าเว็บให้มีความเหมาะสมกับการทำ SEO
ส่วน Off-Page Factor คือ การ Optimisation สิ่งที่ไม่ใช่เนื้อหาของเว็บไซต์
ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้มีความสำคัญทั้งคู่ ควรปรับแต่งให้เหมาะสมไปพร้อม ๆ กัน
– ที่ Title Tag ควรใส่คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในหน้าเอกสารนั้น ๆ เช่น ถ้าเนื้อหาของหน้าเว็บนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกร้อน ควรใช้ Title ว่า “โลกร้อน”
– ควรวางขอบเขตของเนื้อหาในเอกสารแต่ละหน้า เช่น ถ้าต้องการเขียนเรื่องข้อมูลภาพยนตร์ ก็ไม่ควรให้มีข้อมูลอื่น ๆ เช่น เล่นเกม ฟังเพลง ปนอยู่
– การสร้าง Links ควรเชื่อมโยงไปที่หน้าเอกสาร ที่เกี่ยวกับข้อความที่ปรากฎใน Links เช่น
การทำ HyperLinks ที่ข้อความว่า “ภาพยนตร์” ก็ควร Links ไปในหน้าที่มีข้อมูลภาพยนตร์ ไม่ควร Link ไปในหน้าที่มีเนื้อหาอื่น ๆ เช่น เนื้อเพลง หรือ กลอน
– พยายามจัดกลุ่มของเนื้อหา และการเชื่อมโยงต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย
– พยายามตั้งชื่อไฟล์ให้สอดคล้องกับหัวข้อของเนื้อหาภายในหน้าเอกสาร
Off-Pages Factor คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ Search Engine ไปพบเจอมา ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎอยู่ในหน้าเอกสารเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยภายนอกดังเช่น
– การทำ Sitemap
– การเพิ่ม Link Popularity
– การเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ใน Directory Listing
– การทำ Social Networking
สรุป On-Page Factor คือ การ Optimisation เนื้อหาภายในหน้าเว็บให้มีความเหมาะสมกับการทำ SEO
ส่วน Off-Page Factor คือ การ Optimisation สิ่งที่ไม่ใช่เนื้อหาของเว็บไซต์
ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้มีความสำคัญทั้งคู่ ควรปรับแต่งให้เหมาะสมไปพร้อม ๆ กัน
Off-Pages Factor คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ Search Engine ไปพบเจอมา ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎอยู่ในหน้าเอกสารเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยภายนอกดังเช่น
– การทำ Sitemap
– การเพิ่ม Link Popularity
– การเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ใน Directory Listing
– การทำ Social Networking
สรุป On-Page Factor คือ การ Optimisation เนื้อหาภายในหน้าเว็บให้มีความเหมาะสมกับการทำ SEO
ส่วน Off-Page Factor คือ การ Optimisation สิ่งที่ไม่ใช่เนื้อหาของเว็บไซต์
ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้มีความสำคัญทั้งคู่ ควรปรับแต่งให้เหมาะสมไปพร้อมกัน

 
plarnoy  อย่าฝืนจัยรักถ้ามันเจ็บ
อ้างอิง
Categories: Uncategorized | Leave a comment

E-commerce ในประเทศไทย

E-commerce ในประเทศไทย.

Categories: Uncategorized | Leave a comment

สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ทำไมร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทยไม่ค่อยประสบความสำเร็จจากประสบการณ์หลายๆความคิดเห็น ส่วนมากก็จะเกี่ยวกับ เรื่องความยุ่งยากบ้าง อยากเห็นสินค้าจริงๆก่อน กลัวว่านู่นนี้จะไม่ครบ  ห้างร้านใกล้บ้าน ก็มี  ซึ่งต่างจากต่างประเทศ ที่ห้างร้าน อยู่ไกลจากที่พักอาศัยมาก ทางเลือก การซื้อของออนไลน์ในต่างประเทศ จึงเป็นการสะดวก และนิยม แต่คนไทยส่วนมากที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการชำระเงินผ่าน Internet

สาเหตุหลักๆ

1. ร้านค้าภายในท้องถิ่นมีอยู่มากมาย เช่น Lotus,Big C,CareFul,Makro   และร้าน Minimart  ถั่วไปที่ผุดขึ้นมายังกับเห็ด อยากได้สินค้าชนิดใดก็จะเดินไปซื้อด้วยตนเอง

2. บุคคลส่วนมากทั่วไปในประเทศไทยยังขาดความรู้ในการใช้ Internet การที่จะให้มาซื้อของ ผ่านทาง Internet  ก็ยังเป็นเรื่องที่ยาก ดังนั้นการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องทั่วถึง

3. ผู้ประกอบส่วนใหญ่นึกถึงหน้าตาความสวยงามของเว็บไซต์อย่างเดียวแต่สิ่งสำคัญต้องคำนึงถึงผู้ใช้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ด้วยคนไทยใจร้อน เข้าเว็บช้านิดช้าหน่อยก็จะไม่รอกันแล้วครับ ดังนั้นผู้ประกอบควรเล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการ โปรโมทสินค้าและบริการ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

4. ส่วนมากเว็บไซต์นั้นจะเน้นการขายของมากกว่าการบริการ จึงขาดส่วนของการอธิบายเปรียบสินค้าว่าตัวไหนดีกว่ากัน ดังนั้นเว็บไวต์เหล่านั้นอาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆของลูกค้าต่างจากเว็บที่คอยให้คำปรึกษา

ลูกค้าว่าควรซื้อ ยี่ห้อ ชนิดไหน ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

5. เครื่องมือสื่อสารกับเจ้าของเว็บ ผู้ประกอบการ E-commerce ควรเป็น info@”ชื่อเมล”.com

มากกว่า ฟรีเมล  อย่างเช่น  Hotmail,G-Mail,Yahoo  เพื่อให้ลูกค้าติดต่อเจ้าของเว็บได้อย่างแน่นอน

ปัจจัยที่ทำให้ E-commerce  ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ

ปัจจัยในสิ่งนี้ ผู้ประกอบการต้องมีการดูแลเอาใจใส่ ในการขายสินค้าแต่ละชิ้น ผู้ประกอบต้องคิดวิเคราะห์ว่า สินค้าชิ้นที่จะขายนั้น มีคู่แข่งมากเท่าไร กลุ่มลูกค้าที่เราจะขายนั้นมีความต้องการเยอะหรือป่าว ต้องศึกษาเกี่ยวสินค้านั้นอย่างละเอียด เพื่อให้การอธิบายรายละเอียดสินค้าให้กับลูกค้าสนใจมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยที่ทำให้ E-commerce  ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย

1. การนำเสนอสินค้าและบริการของสินค้าให้ลูกค้าเข้าใจง่ายมากที่สุด  ระบุรายละเอียดในการชำระเงิน การส่งสินค้า,การส่งคืนสินค้า ต่อลูกค้า

2. สามารถบอกรายละเอียดสินค้าให้ลูกค้าได้ ซึ่งเป็นที่น่าเชื่อถือในระดับนึงเปรียบเทียบให้ลูกค้าได้ว่าต้องการสินค้าแบบใดที่เหมาะกับฐานะลูกค้า

3. กำหนดกลุ่มเป้าหมายเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าเราโดยการโปรโมทเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพิ่มการประชาสัมพันธ์กับช่องทางอื่นๆอาจจะทำเป็น Fanpage การทำ Backlink หรือมีบริการคืนกำไรให้กลับลูกค้า (เพราะยังไงในทุกสังคมก็ชอบเรื่องนี้กันทั้งนั้น )

4.การทำเว็บไซต์ให้ดุสะอาดตาเพื่อแรงจูงใจให้ลูกค้าดูน่าค้นหา แต่ตกแต่งเยอะเกินไปก็ต้องระวังเรื่องความล้าช้าของเว็บไซต์ด้วยนะครับ นี่คือสิ่งสำคัญ ถ้าหน้าเว็บของเราโหลดช้าลูกค้าก็จะไม่สนใจ เปรียบกับว่า เราเป็นลูกค้า สมมุติว่า เราต้องการหาข้อมูลอะไร เว็บนั้นโหลดช้า  เราก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีค่ะ

 Image

                                           plarnoy  อย่าฝืนใจรักถ้ามันเจ็บ

 

 

Categories: Uncategorized | Leave a comment

สรุปการฟัง #3 และ #4

สรุป การทำธุรกิจและตลาดในยุคดิจิทัล 3.0

 การที่ให้ผู้บริโภคมาพูดถึงเราเราก็จะเราก็จะโชคดีถ้าผู้บริโภคพูดถึงเรา  ซึ่งมีบทบาทมีประโยชน์ด้วยกันดั้งนี้ Social Media คือ เป็นเรื่องของการพูดแบบปากต่อปากหรือ คอนเซ็ปแบบปากต่อปาก เช่น การเข้าใช้งานเฟสบุ๊ก ออนไลน์ เพราะผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงมากให้ปัจจุบันนี้

CONSUMERS  ผู้บริโภควันนี้จะใหญ่ขึ้น  ผู้บริโภคหน้ากลัวขึ้นมากผู้บริโภควันนี้เป็นพวกที่เราทำงานออกมาดีหรือไมผู้บริโภคก็จะเป็นผู้ตัดสินและเป็นผู้ที่โฆษณาของๆเราว่าดีหรือไม

Publisher  เป็นผู้ที่โฆษณาของผู้พิมพ์ วันนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่า Conversation  เป็นความท้าทายของนักการตลาด การสนทนา การโต้ตอบ 

Oper source ผู้ที่พูดนิดพูดหน่อยพูดไม่จริงบ้างถ้าจะให้มี  Open source  จะต้องจริงใจ

Transparency  เป็นความจริงใจโปรงใส่

CONTROL      อำนาจอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง

การสร้างแบรน การสร้างแบรนอันดับแรกเราจะสร้าง AWARENESS  ทำอย่างไรคนถึงรู้จักเรา เสร็จแล้วมารู้จัก  INVOLVEMENT  เป็นค่าใหญ่มีส่วนร่วม แล้วเราจะต้องให้ลูกค้าลอง

TRIAL  ลองใช้แล้วทำให้ชอบ COMMTMENI แล้วก็บอกต่อเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด

CO-CREATION  สำคัญมากๆ ใน SME  ถ้าไม่มีเงินใช้จ่ายเราก็ต้องใช้ผู้บริโภคของเราให้เกิดประโยชน์

CO-CREATION   จะช่วยแบรนได้ยังไงบ้าง

PRODUCT INNOVATION  นวัตรกรรม

RELATIONSHIP MARKETING     การแลกเปลี่ยนไอเดียว

SERVICES MARKETING    ปฏิสัมพันธ์  เช่น  อยากได้อาหารแบบไหน

CUSTOMER KNOWLEDGE MANAGEMENT  เป็นการช่วยในการวิจัย

MANAGING COMMUNITIES OF CREATION  เป็นกลุ่มที่ชังคิดไอเดียใหม่ๆ

STRATEGY  DEVELOPMENT  กลยุทธ์

ถ้าเราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงการตลาดก็เปลี่ยนไปเราต้องสร้างบทสนทนาของลูกค้า  ถ้าไม่มีการสนทนากับลูกค้าก็จะล้มเหลว

คำศัพท์  #3  การทำธุรกิจและตลาดในยุคดิจิทัล 3.0 

1.Access Control  คือ ระบบที่มีหน้าที่ควบคุมผ่านเข้าออกประตู และกำหนดสิทธิให้กับแต่ละบุคคล ว่าเข้าประตูใดได้บ้าง ช่วงเวลาใดได้บ้าง โดยใช้บัตรสัมผัส,ใช้ลายนิ้วมือ,รหัสผ่าน หรือทั้ง 3 อย่างร่วมกัน

2.Digital Marketing  คืออีกฉากของพัฒนาการทางการตลาด โดยเฉพาะในยุคที่เครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทในฐานะที่เป็นช่องทางการสื่อสาร

3.Social Media  คือ  เป็นเรื่องการพูดแบบปากต่อปาก หรือ คอนเซ็ปปากต่อปาก

4.Publisher คือ ผู้โฆษณา

5.Conversation คือ เป็นความท้าทายของนักการตลาด

6.Open source  คือ ผู้ที่พูดนิดพูดหน่อย ไม่จริง ถ้าจะให้มี Open source จะต้องจิงใจ

7.Transparency  คือ จริงใจโปรงใส่

8.CONTROL      อำนาจอยู่ที่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง

9.PRODUCT INNOVATION  นวัตรกรรม

10.RELATIONSHIP MARKETING     การแลกเปลี่ยนไอเดียว

11.SERVICES MARKETING    ปฏิสัมพันธ์  เช่น  อยากได้อาหารแบบไหน

12.CUSTOMER KNOWLEDGE MANAGEMENT  เป็นการช่วยในการวิจัย

13.MANAGING COMMUNITIES OF CREATION  เป็นกลุ่มที่ชังคิดไอเดียใหม่ๆ

14.STRATEGY  DEVELOPMENT  กลยุทธ์

15.AWARENESS  ทำอย่างไรคนถึงรู้จักเรา

16.INVOLVEMENT  เป็นค่าใหญ่มีส่วนร่วม แล้ว

17. TRIAL เราจะต้องให้ลูกค้าลอง ลองใช้แล้วทำให้ชอบ

18.COMMTMENI   ลองใช้แล้วทำให้ชอบ

19.Viral Marketing  คือการตลาดอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้หลักการตลาดปากต่อปาก หรือ

เรียกว่า word of mouth หรือ tell friend

20.Online community เป็นชุมชนที่มีสมาชิกเปิดใช้งานโดยการผ่านเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม

 

สรุปการฟัง  4 Online Business with Google

SoLoMo (Social Location Mobile) เป็นกลยุทธ์หนึ่งของการตลาดที่วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค มีการแชร์กัน มีการเล่าเรื่อง มีการเปิดประเด็น มีเพื่อน และมีการระบุ Location หรือตำแหน่งผ่านระบบ GPS

 Image

ZMOT (Zero Moment of Truth) ช่วงเวลาที่ก่อกำเนิดกระบวนการคิดและการบวนการซื้อสินค้า

Stimulus แรงกระตุ้นสำหรับผู้บริโภค ที่มาจากสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ

First Moment of Truth การโฆษณาแล้วลูกค้าสนใจ

Second Moment of Truth ใช้แล้วบอกต่อ

ZMOT จะช่วยให้ลูกค้าทำการดูและค้นหาข้อมูลต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้า

การมีตัวตนบนโลกออนไลน์ คือการค้นแล้วเจอ เจออยู่ในหน้าของการค้นหา

ถูกค้นพบ อยู่ในอันดับของการ search

เรียงลำดับตาม page rang (ต้องมีการปรับปรุงและมีการอัพเดทบทความในเว็บไซต์อยู่เสมอ)

การทำให้เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกของ google

Google adword เป็นโฆษณาที่ google ขาย ซึ่งเราจะเป็นคนเขียนโฆษณาด้วยตัวเอง

ทำอย่างไรให้ถูกค้นหา

การปรากฏตัวบนแผนที่ (google map)

ทำอย่างไรให้ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น เช่น google+

*Google+ Hangout เข้าไปใช้คุยวีดีโอ 10 พร้อมกัน เสมือน video conference  และสามารถดึงเอกสารออกมาดูพร้อมๆ กันได้

–  วัดผลของการทำการตลาด

* ดูประสิทธิภาพของ social media นั้นๆ

* ประสิทธิภาพของโปรแกรมทางมือถือ

–  โชว์สินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา

–  ขายสินค้าได้ทั่วโลก

* AEC หรือ Asean Economics Community คือการรวมตัวของชาติใน Asean 10 ประเทศ โดยมี

ไทย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, บรูไน เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน จะมีรูปแบบคล้ายๆ กลุ่ม Euro Zone นั่นเอง จะทำให้มีผลประโยชน์, อำนาจต่อรองต่างๆ กับคู่ค้าได้มากขึ้น และการนำเข้า ส่งออกของชาติในอาเซียนก็จะเสรี ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่แต่ละประเทศอาจจะขอไว้ไม่ลดภาษีนำเข้า

คำศัพท์

1.Stimulus หมายถึง แรงกระตุ้นสำหรับผู้บริโภค ที่มาจากสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์

2.ZMOTหมายถึง ลูกค้าทำการดูและค้นหาข้อมูลต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อสินค้า

3.Be found หมายถึง การถูกค้นหา

4.  Global หมายถึง ทั่วโลก กว้าง

5.  Reached หมายถึง ไปถึง ติดต่อสื่อสาร

6.  Hangouts คือ ที่อยู่อีเมลของคุณจะปรากฏแก่คนที่คุณแชทด้วย เมื่อคุณปรากฏในรายชื่อการแชทของคนอื่นใน Google+ เป็นไปได้ว่าคนนั้นอาจค้นพบที่อยู่อีเมลของคุณ แม้ว่าที่อยู่อีเมลของคุณจะไม่ปรากฏในรายชื่อการแชทใน Google+ แต่ละปรากฏในรายชื่อการแชทของผลิตภัณฑ์อื่นของ Google

7.  Google+ (Google Plus) คือโครงการของ Google ที่มีความพยายามมานานหลังจากมีการออกมายอมรับก่อนหน้านั้นว่า Google ขยับตัวช้าไปในเรื่องนี้แถมยังมีข้อเสนอพิเศษให้กับพนักงานที่สามารถคิดโครงการ Social Networks ให้ออกมาประสบความสำเร็จอีกด้วย

8.  Service เป็นการบริการทางด้านใด ทางด้านหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน

9.  “Think with Google” เป็นหนึ่งในโครงการของ Google ที่จะนำเรื่องราวในแวดวงธุรกิจออนไลน์และเทรนด์ต่างๆ มาเผยแพร่ให้บุคคลภายนอกได้ศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ของผู้นำทางความคิด นำเสนอกรณีศึกษา หรือข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจเพื่อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการในการวางแผนธุรกิจ

10   SMEs หรือ ธุรกิจขนาดย่อม หมายถึง ธุรกิจที่เป็นอิสระมีเอกชนเป็นเจ้าของ ดำเนินการโดยเจ้าของเอง ไม่เป็นเครื่องมือของธุรกิจใดไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบุคคลหรือธุรกิจอื่น

11.  โปรแกรม Google Engage นำเสนอการอบรมและการสนับสนุนที่คุณจำเป็นต้องใช้เพื่อช่วยให้ลูกค้าของคุณได้รับประโยชน์จาก Google AdWords และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับ:

ผู้ดูแลเว็บและนักพัฒนาเว็บ

เอเจนซี่ด้านการตลาดและการโฆษณาบนโลกดิจิทัล

บุคคลทั่วไปหรือบริษัทที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กประสบความสำเร็จทางออนไลน์

12.  Commuting คือการต้องเดินทางไปเพื่อทำภารกิจบางอย่าง เป็นการเดินทางที่อาจกระทำกันบ่อยๆ หรือทุกวัน  เช่นทุกเช้าวันทำงาน ต้องเดินทางไปทำงาน หรือไปศึกษาเล่าเรียน ดังนี้เรียกว่า commuting

13.  SCG eco value คือ จากความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณค่าให้สังคม เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนาสินค้า และบริการที่มีมูลค่าเพิ่มและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคไปพร้อมกับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

14.  First Moment of Truth หมายถึง การโฆษณาแล้วลูกค้าสนใจ

15.  Second Moment of Truth หมายถึงใช้แล้วบอกต่อ

.  Malware หมายถึง ไวรัส หนอนอินเตอร์เน็ต และโทรจัน ที่มีพฤติกรรมรบกวนและสร้างความเสียหายแก่ระบบเครื่องคอมพิวเตอร์

 

16.  SoLoMo (Social Location Mobile) หมายถึง เป็นกลยุทธ์หนึ่งของการตลาดที่วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค

17. Increase หมายถึง แลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ สาระ เรื่องราวต่าง ๆ

18.  Performance หมายถึง การปฏิบัติ การดำเนินการ

19.  Engage หมายถึง ประกอบ ข้องเกี่ยว

20.โปรแกรม Google Engage นำเสนอการอบรมและการสนับสนุนที่คุณจำเป็นต้องใช้เพื่อช่วยให้ลูกค้าของคุณได้รับประโยชน์จาก Google AdWords และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google

 

 

นางสาวสรัญญา    เบ่านุวงค์

รหัส  2531051641110

Categories: Uncategorized | Leave a comment

ตัวอย่างเว็บไซต์ www.cisco.com

พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทธุรกิจกับธุรกิจ (Business-to-Business หรือ B2B)

หมายถึง  การซื้อขายระหว่างผู้ผลิตด้วยกัน  เช่น ผู้ผลิตรถยนต์สั่งซื้อวัตถุดิบจากโรงงานที่เป็น Supplier หรือ ร้านค้าปลีกสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทผู้ผลิตสินค้า เมื่อสต็อกสินค้าลดลงถึงระดับหนึ่ง ผ่านระบบ EDI โดยส่วนใหญ่ผู้ซื้อและผู้ขายมักจะรู้จักกันล่วงหน้า และอาจทำเอกสารสัญญาที่เป็นกระดาษกันล่วงหน้า ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดจากการซื้อขายจะต่ำ

ตัวอย่างเว็บไซต์

http://www.cisco.com  เป็นบริษัทขายอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์ทางด้านเครือข่ายอื่นๆ โดยขายผ่านเว็บแบบธุรกิจต่อธุรกิจ ทำให้ยอดขายของซิสโคเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 20  ยอดขายของซิสโคได้มาจาก  การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางการสื่อสารของตลาดธุรกิจต่อธุรกิจร้อยละ 92 ของการสั่งซื้อสินค้าซิสโค เกิดจากการสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตและการบริการลูกค้ากว่าร้อยละ 80 มาจากการขอใช้บริการผ่านซิสโคออนไลน์

 

จุดแข็ง

  • ทุกสิ่งที่คุณต้องการสำหรับเครือข่ายของคุณ: ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีความหลากหลายมากที่สุดที่ได้รับการออกแบบและตั้งราคาสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เราจึงพร้อมช่วยคุณในเรื่องเทคโนโลยีที่คุณต้องการ ทั้งสำหรับปัจจุบันและอนาคต
  • คู่ค้าท้องถิ่นที่มีประสบการณ์: คุณจะได้ทำงานร่วมกับคู่ค้า Cisco ที่เข้าใจความต้องการเฉพาะตัวของคุณ และสามารถเลือก วางระบบ และจัดการได้ง่ายขึ้น คุณจึงมุ่งความสนใจไปที่ธุรกิจของคุณได้
  • มีประสิทธิภาพ: คุณสามารถคาดหวังในเรื่องความน่าเชื่อถือ การรักษาความปลอดภัย และประสิทธิภาพได้จาก Cisco

จุดอ่อน

  • ผ่านหลายกระบวนการมากมาย
  • ในกรณีที่ ต้องการขอเปลี่ยนอุปกรณ์ เพื่อทดแทนอุปกรณ์ที่เสีย

 

ตรวจ PR: PAGERANK

PR: PAGERANK =*8*

plarnoy  อย่าฝืนใจรักถ้ามันเจ็บ

อ้างอิง

http://pookanaja.blogspot.com/2011/08/blog-post.html

Categories: Uncategorized | Leave a comment

Blog at WordPress.com.